ลมหายใจของเสียงดนตรี : แกะเทปเพลงฮิต สู่ยุคทองของสตรีมมิ่ง
05 April 2018 เปิดอ่าน 6989 ครั้ง
ถ้าตอนนี้คุณเป็นคนอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป ต้องรู้จักและเคยฟังเพลงผ่าน ‘เทปคาสเซ็ต’ มาแน่นอน แล้วยังจำความรู้สึกที่ต้องมานั่งกรอเทปได้ไหม พอได้มานั่งนึกถึงเวลาเหล่านั้นก็รู้สึกว่ามันพึ่งผ่านมาได้ไม่นาน แต่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตที่เข้ามามันเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ไปมากกว่าที่เราคิด
ไม่ต้องไปยืนรอหน้าแผง ก็ฟังเพลงของศิลปินที่ชอบได้ทั่วโลก...นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่ใช่แค่คนฟังอย่างเราที่เปลี่ยน แต่ธุรกิจเพลงก็ต้องปรับตามไปด้วย
http://www.scmp.com/lifestyle/article/1909742/great-cassette-comeback-dead-technology-gaining-new-lease-life
‘เทป’ ที่คิดว่าจะตาย ก็อาจกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
อาจฟังดูตลกเพราะที่ไทยนี่แทบหาบ้านที่มีเทปคาสเซ็ตเหลืออยู่ไม่ได้แล้ว (แต่ก็็ยังมีอยู่ เพราะคนรุ่นเก๋าก็ยังติดกับการใช้แพลตฟอร์มเก่าๆ)
แต่ถ้าลองไปดูทางฝั่งอเมริกา แดนแห่งเสียงดนตรี มีผลสำรวจ Music Year-End Report จาก Nielsen Media Research บอกว่ายอดขายเทปคาสเซ็ทนั้นเพิ่มขึ้นถึง 35% เมื่อเทียบกับปีก่อน แค่เฉพาะในอเมริกาก็ทำยอดขายรวมไปกว่า 174,000 ตลับ!
ซึ่งก็มีหลายคนมองว่าอาจเป็นเพราะสื่อยุคใหม่ ๆ มีการจุดกระแสขึ้นมา และตอนนี้เทรนด์บางอย่างในอดีตเองก็กำลังจะวนลูปกลับมาเช่นกัน อย่างภาพยนตร์ Marvel และ Netflix ที่มีการออกเพลงประกอบภาพยนตร์/ซีรี่ย์ มาในรูปแบบเทป
“ความทรงจำวัยเด็กบางอย่างมันเกิดขึ้นมาพร้อมกับเทปคาสเซ็ต”
James Vincent McMorrow นักร้อง-นักแต่งเพลง
แล้วความทรงจำในวัยเด็กของเราเป็นแบบไหนกันนะ…
https://pantip.com/topic/34727707
-
อมิตา ทาทา ยัง : คงไม่มีใครลืมเด็กผู้หญิงใส่หมวกกับเสื้อโซนิคหรอกนะ
-
Zaza : ดังจากยุคเก่ามาจนถึงยุคนี้ สามสาวนี้เขาอยู่มาตั้งแต่ยุคเทปคาสเซ็ตนะจะบอกให้
-
Rapter : เห็นพี่หลุยส์ สก๊อตเป็นนักแสดงชื่อในตอนนี้ แต่ก่อนก็เคยออกเทปเหมือนกัน
-
คริสติน่า : นี่คือตำนานหนึ่งของวงการเพลง ที่เคยมียอดขายถึง ‘ล้านตลับ’ !
และนี่ก็เป็นแค่กล่องความทรงจำเล็ก ๆ ที่ยังหายใจอยู่ในวงการเพลงไทย เพราะเด็กในตอนนั้น ก็โตมาจนสามารถเปย์เงินให้กับคอนเสิร์ตของศิลปินเหล่านี้ได้แล้วนั่นเอง
https://www.pinterest.com/zacharyrhill/album-covers/
สถานะของ ‘CD’ ที่ยังคงอยู่ แม้วันนี้ไม่สดใสเหมือนเดิม
ยอดขายของสื่อนี้ยังคงลดลงเรื่อย ๆ ทุกปี หรือ CD จะรักษาสถานะนี้ได้อีกไม่นาน...
เมื่อก่อนนี่เวลามีอัลบั้มของศิลปินที่ชอบออกมาเมื่อไหร่ ต้องรีบพุ่งไปซื้อซีดี ดีวีดีทันที แต่พฤติกรรมของคนฟังเดี๋ยวนี้มันไม่ใช่แล้ว และสาเหตุหลักที่ CD ไม่สำคัญเหมือนเดิม ไม่ใช่เพราะดิจิทัลอย่างสตรีมมิ่ง แต่เพราะการครอบครองเพลงอย่างผิดกฏหมายต่างหาก
คงพอจำกันได้ ยุคของแผงซีดีเถื่อน ที่วางขายซองละ 20 บาท ในขณะที่แผ่นแท้ราคาหลักร้อย หลายคนเลยเลือกแผ่นผี เพราะราคาถูกแต่คุณภาพทัดเทียมกัน
มีบทความหนึ่งจาก salon เคยบอกว่าที่ CD ยังไม่ตาย ก็เพราะว่าคนยังต้องการ ‘สะสม’ กันอยู่ บางอย่างมันอาจจะลิมิเต็ด หรือแฟนคลับของศิลปินยังต้องการอะไรที่เป็นรูปธรรมอยู่นั่นเอง CD ยังคงมีอะไรบางอย่างที่สตรีมมิ่งในปัจจุบันทำไม่ได้
https://www.pcmag.com/article/348027/the-best-free-music-download-sites
ก่อนมีสตรีมมิ่ง คือยุคทองแห่งการ ‘ดาวน์โหลด’
ถ้าคุณรู้จักการฟังเพลงผ่านเครื่องเล่น MP3 และการดาวน์โหลดเพลงผ่าน 4Shared เราเกิดมาในยุคเดียวกัน
อีกหนึ่งตัวการที่ทำให้เทป และซีดีค่อย ๆ ถูกเมินไปในที่สุด เพราะส่วนใหญ่มัน ‘ฟรี’ ยังไงล่ะ! คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้วว่าทำไมคนฟังถึงมีพฤติกรรมการฟังเพลงที่เปลี่ยนไป เพราะมันมีสิ่งที่สะดวก ง่าย ประหยัดเงิน ประหยัดเวลามากกว่า
แต่สำหรับธุรกิจเพลงที่เปิดดาวน์โหลดแบบเสียเงิน อย่างถูกลิขสิทธิ์นั้นกลับมียอดขายเพลงที่ลดลงเช่นกันทางฝั่งอเมริกา ถามว่าตอนนี้ยังมีคนใช้วิธีดาวน์โหลดกันอยู่อีกไหม? เชื่อว่ายังมีอยู่แต่ก็ค่อย ๆ ลดลงไปทุกที ผิดกับในบางประเทศอย่างเกาหลี หรือญี่ปุ่นที่ดูเหมือนจะยังรักษามาตรฐานยอดดาวน์โหลดไว้ได้อยู่ (ในเกาหลีบางกลุ่มศิลปินก็แตะหลักล้านดาวน์โหลดนะ)
การดาวน์โหลดก็เป็นสิ่งที่คนเขาคิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการ ‘ละเมิดลิขสิทธิ์’ อย่างหนึ่งเหมือนกัน แต่ก็ไม่วายมีคนฟังเพลงแบบผิดกฎหมายเกิดขึ้นอยู่ดี และนั่นเองจึงเป็นที่มาว่าทำไม Apple Music, Spotify, Joox จึงได้ถือกำเนิดขึ้นในยุคนี้
https://fieldguide.gizmodo.com/switch-streaming-music-services-without-losing-your-son-1770995990
ลมหายใจใหม่แห่งวงการดนตรี บริการ ‘สตรีมมิ่ง’ ที่แข่งกันเอาเป็นเอาตาย
เป็นสนามที่ดุเดือดมากจริง ๆ ซึ่งจากผลสำรวจก่อนหน้าก็ระบุมาด้วยว่ามียอดการฟังผ่านสตรีมมิ่งเพิ่มขึ้นถึง 58% และมันกำลังจะกลายเป็นเม็ดเงินมหาศาล
ดูอย่าง Spotify ที่เปิดขายหุ้นเป็นวันแรก เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2561 ในตลาดหุ้นนิวยอร์ค ก็พุ่งขึ้นไปสูงถึง 12.9% นับว่าเป็นการให้บริการสตรีมมิ่งเพลงที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นมูลค่ากว่า 26.5 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว หรืออย่าง Apple Music ก็มีสมาชิกแล้วมากกว่า 38 ล้านรายในปีนี้
สตรีมมิ่งช่วยให้คนเข้าใจถึงการฟังเพลงแบบ ‘ถูกลิขสิทธิ์’ กันมากขึ้น และสร้างความ win-win ให้ทั้งฝ่ายคนฟัง และศิลปินเลย นับเป็นข่าวดีที่เรื่องนี้จะไม่ถูกมองข้ามอีกต่อไป
ตัวเราเองก็เป็นคนหนึ่งที่ยังมีทั้งเทป ซีดี ดาวน์โหลดเพลงมาฟัง และฟังเพลงผ่านสตรีมมิ่งไปด้วย ถึงจะเป็นเพลง ๆ เดียวกัน ความรู้สึกกับเพลงจากแต่ละสื่อก็แตกต่างกันอยู่ดี ไม่รู้เลยว่าอีก 10-20 ปีข้าง การฟังเพลงของเราจะเป็นแบบไหน
แต่ทุกครั้งที่มีอะไรใหม่ ๆ เข้ามา มันก็ทำให้เราได้หวนนึกถึง ‘ครั้งแรก’ ของมันเสมอ ตราบเท่าที่สิ่งเหล่านี้ยังมีลมหายใจ...
Written by Chayanis
ที่มา :
https://www.salon.com/2018/02/10/the-cd-is-dead-not-so-fast/
https://www.theverge.com/2018/4/3/17194208/spotify-ipo-nyse-music-streaming-market-valuation
https://www.unlockmen.com/check-in-unique-places-chevrolet-tbz
https://today.line.me
https://www.dailygizmo.tv/2018/01/08/cassette-tape-new-high/
https://www.statista.com